เพชร 1 กะรัต ขายเท่าไหร่ และคิดราคาจากอะไร

by Anne Curtis

เชื่อว่าหลายคนคงสงสัยว่า เพชร 1 กะรัต มีราคาเท่าไหร่ และอะไรคือตัวกำหนดราคา จะบอกว่าคำถามนี้เป็นคำถามที่กว้างมากๆ เลย เนื่องจากราคาของเพชรนั้นขึ้นอยู่กับคุณภาพและการเจียระไน โดยทั่วไปเพชร 1 กะรัต จะมีราคาตั้งแต่ 1-5 แสนบาท หรือหากจะกล่าวอีกอย่างหนึ่งคือ ราคาของเพชร 1 กะรัต จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับตำหนิของเพชรเม็ดนั้น นั่นเอง

เรนจ์ราคาที่แตกต่างกันออกไปนี้ ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายอย่าง แน่นอนว่าเพชรที่มีคุณภาพดี ราคาย่อมสูง โดยกำหนดคุณภาพจาก 4C ตามหลักสากลที่ทั่วโลกใช้กัน ประกอบด้วย

  • Color สีของเพชร
  • Carat น้ำหนักของเพชร
  • Clarity ความใสของเพชร
  • Cut การเจียระไนเพชร

สีของเพชร (Color) หรือที่เราคุ้นเคยกับคำว่า “น้ำ” ซึ่งบ่งบอกถึงความใสหรือความขาว โดยเพชรที่มีความใสมากที่สุดคือ D color หรือเรียกว่า เพชรน้ำร้อย ซึ่งเป็นเพชรที่มีราคาแพงมากที่สุด นั่นเอง

น้ำหนักของเพชร (Carat) เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ใช้กำหนดราคา เพชรแต่ละเม็ดที่ผ่านการขุดเจาะ เจียระไน เพื่อให้ได้เพชรที่มีน้ำหนักแตกต่างกัน โดยมีหน่วยเป็นตัง ไปจนถึง กะรัต ยิ่งเพชรที่มีขนาดใหญ่หรือมีน้ำหนักมาก ราคาก็จะยิ่งสูงตามไปด้วย

ความใสของเพชร (Clarity) ทำให้เพชรมีราคาไม่เหมือนกัน สิ่งที่ทำให้รู้ความใส นิยมใช้การส่องด้วยกล่องขยาย เพื่อดูตำหนิ ในตลาดจะนิยมเพชรที่มีความขาวใส มากกว่าเพชรเหลือง อย่างไรก็ตาม ตำหนิที่เกิดขึ้นนั้น อาจเกิดขึ้นจากธรรมชาติ สำหรับเพชรที่มีความขาวใสไร้ตำหนิมากที่สุด เรียกว่า Flawless หรือ FL และเป็นเพชรที่มีราคาแพงที่สุดด้วย เช่นเดียวกัน

การเจียระไน (Cut) คือ องค์ประกอบสุดท้าย ในการกำหนดราคาเพชร เพชรที่มีการเจียระไนด้วยงามด้วยช่างฝีมือดี ในระดับ 3 Excellent จะทำให้เพชรเม็ดนั้นสามารถเป่งประกายได้ครบทุกองศา หรือเกิดการหักเหของแสงไฟได้ดี เกิดความวิววับ น่าหลงใหล ในขณะเดียวกันก็เป็นเพชรที่มีราคาสูงขึ้นด้วย

จากข้อมูลทั้งหมดนี้ ก็พอจะไขข้อข้องใจให้กับใครหลายคนได้แล้วว่าทำไม เพชร 1 กะรัต จึงมีราคาไม่เท่ากันและมีองค์ประกอบใดบ้าง ที่ใช้เป็นตัวกำหนดราคา ทำให้เพชรมีราคาที่แตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตาม เพชรส่วนมากจะมีราคาแบบก้าวกระโดด อย่างเช่น เพชร 70 ตัง มีราคา 120,000 บาท ในขณะที่เพชร 50 ตัง อาจมีราคา 70,000 บาท  

แม้ว่าในปัจจุบันเพชรที่มีสีขาวใส จะได้รับความนิยมมาก แต่เพชรแฟนซี หรือเพชรหลายสี เช่น เพชรสีเขียว สีม่วง สีแดง หรือสีน้ำเงิน เป็นต้น โดยเพชรแฟนซีจะมีราคาที่แพงกว่าเพชรน้ำร้อยหรือเพชรที่มีสีขาวใส เนื่องจากหาได้ยาก หรือมีโอกาสพบเจอได้น้อยกว่านั่นเอง

Continue Reading